พระพิษณุโลก | Prapsl.com

พระพิษณุโลก | Prapsl.com

ลำดับ 358 พระท่ามะปราง กรุวัดสตือ พิษณุโลก


   
                           พระท่ามะปรางค์ กรุวัดสตือ เนื้อดิน อ.เมือง พิษณุโลก

                         ตามพงศาวดารเหนือ กล่าวว่า หลังจากพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก สร้างเมืองพิษณุโลกแล้ว ตรัสให้สร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุขึ้น (วัดใหญ่) มีพระธาตุรูปปรางค์สูง ๘ วา สร้างวิหาร ๔ ทิศ มีระเบียง ๒ รอบ แล้วโปรดให้ช่างเมืองเชลียง (สวรรคโลก) เชียงแสน และหริภุญไชย
ร่วมมือกันทำพิธีเททองหล่อพระ เมือวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีเถาะ พ.ศ.๑๔๓๘ ในครั้งนั้นทองติดเป็นรูปองค์พระบริบูรณ์เพียง ๒ องค์ คือ พระพุทธชินสีห์ และพระศาสดา ส่วนองค์หลักทองไม่ติด
พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก จึงได้ทรงทำพิธีตั้งอธิษฐานจิตใหม่ และจัดพิธีเททองหล่ออีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ เดือน ๖ ปีมะเส็ง พ.ศ.๑๕๐๐ ในระหว่างทำพิธีเททองหล่อนั้น ปรากฏว่ามีชีปะขาวผู้หนึ่งมาช่วยเททองด้วย ความนี้สำเร็จเป็นองค์พระบริบูรณ์ จากนั้นชีปะขาวก็เดินขึ้นไปทางเหนือถึงหมู่บ้านหนึ่งก็หายตัวไปตามหาไม่พบ จึงเรียกหมู่บ้านนั้นว่า “บ้านชีปะขาวหาย” มาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สำเร็จงดงามตามตำนานนั้น คือ “พระพุทธชินราช” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองพิษณุโลกนั่นเอง
                         ด้วยความงดงามและความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธชินราช อันเป็นที่นับถือทั้งพระมหากษัตริย์ และประชาชนคนทั่วไปมาทุกยุคทุกสมัย มีการสร้างเป็นพระพิมพ์ขนาดเล็กเพื่อพกติดตัว รวมทั้งบรรจุกรุตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ทำให้พบรูปแบบพระพุทธชินราชในลักษณะของพระพิมพ์ต่างๆ หลากหลายรูปแบบ เช่น พระชินราชใบเสมา พระชินราชซุ้มเส้นคู่ พระชินราชกรุเขาสมอแครง เป็นต้น
แต่ยังมีพระพิมพ์อีกสกุลหนึ่งที่โด่งดังคู่กับพระนางพญามาตั้งแต่สมัยโบราณกาล อีกทั้งยังเป็นการจำลองพุทธลักษณะของพระพุทธชินราชมาไว้ในรูปแบบของพระเครื่องอีกด้วยนั้น คือ พระท่ามะปราง นั่นเอง
                         ต้นกำเนิดของพระท่ามะปรางเป็นแห่งแรกก็คือจังหวัดพิษณุโลก ถือว่าเป็นต้น
แบบของพระท่ามะปรางทั้งหมด จัดเป็นพระที่มีอายุในการสร้างสูงกว่าทุกๆเมืองและคำว่า " ท่ามะปราง " ก็มาจากการค้นพบที่วัดท่ามะปราง จังหวัดพิษณุโลกเป็นแห่งแรกนั่นเอง เมืองอื่นๆก็เลยนำชื่อมาตั้งพระที่มีลักษณะเดียวกัน เพราะฉะนั้นคำว่า " พระท่ามะปราง " จึงได้ปรากฎอยู่หลายๆเมืองทั่วเมืองไทย
พระท่ามะปรางที่ถูกขุดพบได้เพียงเมืองเดียวของพิษณุโลก ก็มีการค้นพบด้วยกันหลายกรุ แต่ที่มีชื่อเสียงและโด่งดังที่สุดคือกรุ " วัดท่ามะปราง " ต้นกำเนิดของพระท่ามะปรางเป็นแห่งแรกที่เมืองพิษณุโลกนี้ จนได้รับฉายานามว่า "เงี้ยวทิ้งปืน"พระที่ถูกค้นพบปรากฎว่าไม่ค่อยสวยงาม เพราะชำรุดและผุกร่อนเป็นส่วนมากในจำนวนพระพิมพ์ " ท่ามะปราง " ทั้งหมด มีพระอยู่พิมพ์หนึ่งที่นับว่าผิดแปลก
และแตกต่างกับพระท่ามะปรางพิมพ์อื่นทั้งหมด คือ พระท่ามะปราง กรุ " วัดสะตือ " เป็นพระศิลปะแบบ " อู่ทอง " ต่างจากกรุอื่นๆ ซึ่งโดยมากจะเป็นแบบ" สุโขทัย " เกือบทั้งนั้น พุทธลักษณะเป็นพระนั่งอยู่บนฐานบัว นั่งสะดุ้งมารแบบ" เข่านอก " ( เห็นหัวเข่าทั้งสองข้าง ) พระหัตถ์ขวาขององค์พระทอดยาวลงมา
ด้านหน้าถึงฐานบัว ที่ค้นพบมีสร้างขึ้นด้วย เนื้อดิน และ เนื้อชินเงิน ขนาดองค์พระจะมีขนาดใหญ่กว่าของกรุเมืองอื่นๆเล็กน้อย โดยกว้างประมาณ 2.3 ซม. สูงประมาณ 3.8 ซม. ส่วนในด้านพุทธคุณ คือยอดเยี่ยมทางแคล้วคลาด เมตตามหา
นิยม และคงกระพันชาตรี
                          สรุปว่าพระท่ามะปรางนั้น เป็นพระเครื่องที่จำลองรูปแบบของพระพุทธชินราชมาไว้เป็นพระเครื่อง ในยุคแรกๆ ก็ว่าได้ แต่ในปัจจุบันราคาค่านิยมของพระสกุลท่ามะปรางนั้นยังคงไม่สูงมาก นักสะสมหลายท่านที่ใฝ่ฝันอยากได้พระพุทธชินราชในรูปแบบพระเครื่องมาอาราธนาพกติดตัวนั้น หากคิดว่าพระพุทธชินราชใบเสมานั้นราคาสูงเกินเอื้อมไป สำหรับเราๆ ท่านๆ ก็น่าจะหันมามองพระสกุลท่ามะปรางนี้ดูบ้าง นอกจากความงดงามและพุทธคุณที่เข้มขลังแล้ว พระสกุลท่ามะปรางยังขึ้นชื่อว่ายุคการสร้างที่เก่าแก่กว่าพระพุทธชินราชสกุลอื่นๆ อีกด้วยนะครับ

                           พุทธคุณ   แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี
                           สภาพ   เป็นที่ผ่านการใช้ แต่ยังสวย
                           ราคา    ติดต่อสอบถาม
       


Close Menu