หลวงพ่อเงิน เกิดที่บ้านบางคลาน หมู่ที่ ๑ ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตรตรงกับสมัยรัชกาลที่๑ แห่งรัตนโกสินทร์ สำหรับวันเกิดของท่านนั้นไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดยืนยันได้แต่จากการสอบถามกับปีที่ท่านอุปสมบทแล้ว น่าเชื่อได้ว่า ท่านเกิดในปี พ.ศ. ๒๓๕๑ ค่อนข้างจะแน่นอน คุณลุงแปลก สุขนวล ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ทันรับใช้หลวงพ่อบอกว่า ท่านเกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน ๑๐ ปีมะโรง พ.ศ.๒๓๕๑ และมรณภาพเมื่อวันศุกร์ เดือน ๑๐ แรม ๑๑ค่ำปีมะแม เวลา ๐๕.๐๐ น. ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๖๒ รวมอายุได้๑๑๑ ปี ๙๐ พรรษา (ถ้าหากเกิดในปีฉลู จะมีอายุเพิ่มขึ้นอีก ๓ ปี เป็น ๑๔๔) สำหรับวันเกิดของท่าน หากมีหลักฐานอื่นใดที่เป็นลายลักษณ์อักษรยืนยันได้แน่นอนก็จะทำให้ทราบอายุของท่านที่แท้จริงได้ถูกต้อง
หมายเหตุ หลวงพ่อเงิน วัดคงคาราม หลวงพ่อเงิน วัดท้ายน้ำ และ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน (วัดหิรัญญาราม) คือองค์เดียวกัน
ลำดับเจ้าอาวาส
1. หลวงพ่อเขียว เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำองค์แรกซึ่งมีวิทยาคมสูงมากท่านหนึ่งมีชีวิต
ร่วมสมัยกับหลวงพ่อเงิน
2. หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ
3. พระครูวัตตสัมบัน
4. พระปลัดชุ่ม
5. พระครูวิจิตรวุฒิกร (น้อย ฐานุตฺตโร) เจ้าคณะอำเภอโพทะเล สัญญาบัตรชั้นเอกความศักดิ์สิทธิ์ของต้น โพธิ์หน้าวัดท้ายน้ำ
พูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของต้นโพธิ์ ถึงนะไม่ใช่ต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งประทับก็ตามเถิด เพราะความศักดิ์สิทธิ์และมีอภินิหารพอสมควรเท่าที่ได้พบมา และได้ทราบมาว่าต้นโพธิ์ต้นนี้เกิดก่อนวัดท้ายน้ำเสียอีก คล้ายกับว่าเป็นของคู่วัดท้ายน้ำมาเลย ก่อนตั้งวัดท่านผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าลือต่อกันมาว่า ตอนมาสร้างวัดใหม่ ๆ ก็แลเห็นจ้นโพธิ์ต้นนี้สูงราว ๆ๕ เมตรมีใบดกเป็นพุ่มสวยงามมาก บริเวณใต้ต้นโพธิ์ก็สะอาด ต่อมาการก่อสร้างวัดท้ายน้ำก็คือหน้ามี กุฏิ ศาลา หอสวดมนต์ แพที่อาศัยของสมภาร (สมัยแรกเรียกอย่างนั้น) เป็นหลักฐานติดต่อกันมาเป็นลำดับ และต่อมาอีกครั้งหนึ่งจะเป็นวันเดือนปีอะไรไม่ปรากฏ วัดท้ายน้ำมีสมภารชื่อหลวงพ่อเขียว ท่านเป็นผู้เปรื่องปราชญ์ไปด้วยความรู้ และเรืองวิชาทางไสยศาสตร์มาก ท่านมาอยู่ที่กุฏิเรือนแพ ใต้ต้นโพธิ์หน้าวัด และท่านยังริเริ่มเปิดสอนหนังสือไทยให้แก่เด็ก ๆ ที่หาคนสอนหนังสือไม่ได้ ส่วนหลวงพ่อเงินท่านไป ๆ มา ๆ เพาะเหตุว่าญาติโยมของทานอยู่แถบนี้มาก เมื่อท่านสร้างวัดวังตะโก (หรือวัดหิรัญญาราม) เสร็จแล้ว ท่านยังไปมาหาสู่ที่วัดท้ายน้ำอยู่เสมอ เพราะมีความสนิทชิดชอบกับหลวงพ่อเขียว เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ สมัยที่ท่านมาที่วัดนี้ใหม่ ๆ ท่านยังอุทานดัง ๆ ว่า ที่นี่ดีจริง ๆ ท่านยังดั้งชื่อว่า วัดช่องลม (คือวัดท้ายน้ำในปัจจุบัน) เวลาหลวงพ่อเงินมาพัก ท่านจะพักที่แพแต่อยู่รูปละห้องกับหลวงพ่อเขียว บางครั้งผู้ที่เป็นลูกศิษย์เช่าว่า หลวงพ่อเงินชวนว่าคืนนี้ไปไหว้พระจุฬามณีเจดีย์กันเถิด แล้วท่านทั้งสองก็ลงมาสู่ต้นโพธิ์นั่งเข้าสมาธิทำวิปัสสนาธุระที่ใต้ต้นโพธิ์นี้ และบางครั้งจะสอนวิปัสสนาแก่บรรดาพระเณร และประชาชนที่ใต้ต้นโพธิ์ทุกครั้ง แสดงว่าหลวงพ่อเงินทานโปรดปรานต้นโพธิ์นี้มากและเมื่อตอนที่ท่านอยู่นั้น ท่านเคยนำของมาฝังไว้ที่ใต้ต้นโพธิ์หลายอย่าง แต่ไม่ปรากฏที่แน่ชัด เพราะคนที่ลงมือฝังกับท่านนั้นต้องทำการสาบานเสียก่อนว่า จะไม่เปิดเผยให้ใครทราบเป็นหูที่สอง ถ้าบอกกับใครตาจะแตก หูจะหนวก ต้องคอยให้ถึงเวลาเสียก่อน นี่เป็นคำบอกเล่าจากผู้รู้มาจึงกล่าวได้ว่า ต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นของคู่วัดจริง ฟ และมีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีครั้งหนึ่งสมัยปี พ.ศ. ๒๔๘๑ นี้เอง ยังมีชาวบ้านที่มีอาชีพขายควาย ไล่ควายมาพักที่หลังวัดท้ายน้ำ ตอนเย็นเดินผ่านมาที่หน้าวัดพร้อมกับถืออาวุธปืนมาด้วย พอดีแลไปเห็นนกยางเกาะอยู่บนต้นโพธิ์ จึงยกปืนแก๊ปเล็งไปที่นก น้าวไกเสียงดังฉาด ๆ ถึง ๓ ครั้งแต่ไม่ดัง พอบ่ายกระบอกปืนไปทางอื่นก็มีเสียงดัง แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ และอีกครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เอง ในบริเวณวัดท้ายน้ำมีไก่ที่ชาวบ้านนำมาปล่อยถวายหลวงพ่อเงินเป็นจำนวนมาก รวมทั้งลูกไก่ นกเหยี่ยว จึงชอบมาโฉบจิกลูกไก่ไปกินจนเกือบหมด ชาวบ้านตามแถบนั้นจึงเอาปืนลูกซองมาหวังเพื่อจะยิงเหยี่ยวพอดีนกเหยี่ยวตัวนั้นบินไปเกาะที่ต้นโพธิ์หน้าวัด ชาวบ้านจึงเล็งปืนไปที่นกดังกล่าว พอได้จังหวะก็ลั่นไกฉาด ๆ ๆ แม้จะเปลี่ยนลูกใหม่แล้วปืนก็ยิงไม่ดัง ทำเอาชาวบ้านกลุ่มนั้นแปลกใจมากเหตุการณ์ต่อมามีเรือหางยาวมาผูกกับรากต้นโพธิ์แล้วลืมแก้โซ่ออก เวลาติดเครื่องปรากฏว่าจะทำอย่างไรเครื่องก็ไม่ติด เจ้าของแปลกใจ จึงปล่อยให้เรือลอยไป พอพ้นชายต้นโพธิ์ก็ติดอย่างลำบาก และเคยปรากฏอีกอย่างหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการปล้นกันขึ้นที่บ้านใต้ (หมายถึงใต้วัด) พวกปล้นนี้จะมาจากไหนไม่ทราบ แต่มาทางเรือ โดยนำเรือมาจอดที่ใต้ต้นโพธิ์ เพราะตอนนั้นมีสะพาน พวกโจรทั้งหลายก็ขึ้นบันไดที่ใต้ต้นโพธิ์ พอทำการปล้นเสร็จไม่นานพวกโจรทั้งหลายก็ถูกจับ บางคนถึงตายและบางคนที่รอดไปก็อยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดพลันที่นาคาที่อยู่นี่แสดงว่าไม่เคารพต้นโพธิ์ที่หลวงพ่อเงินและหลวงพ่อเขียวโปรดปรานมาก มีบางคนที่ไปดูหมอดูมา และถูกทำนายว่าเคราะห์ร้าย ก็มารดน้ำต้นโพธิ์บ้าง และใช้ไม้ค้ำต้นโพธิ์บ้าง ดวงชะตาก็ดีขึ้นมีความสุขขึ้น ตอนพรรษาตอนเช้า ๆ พระและเณรทุกรูปจะต้องมาทำการคารวะทุก ๆ ปีไป สามารถเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนได้เป็นอย่างดี (จากหนังสือของวัดท้ายน้ำเกี่ยวกับ ประวัติหลวงพ่อเงินวัดท้ายน้ำ วัดเก่าหลวงพ่อเงิน หน้า ๒๑-๒๒ พิมพ์เมื่อปี ๒๕๑๕)