พระพิษณุโลก | Prapsl.com

พระพิษณุโลก | Prapsl.com

ลำดับ 370 พระรูปเหมือนป้ำหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค นครสวรรค์

  

     
                     
  

                             พระรูปเหมือนป้ำหลวงพ่อพรหม เนื้อชาร์ป วัดช่องแค นครสวรรค์

                            ประวัติหลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค
                            หลวงพ่อพรหม เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีมะแม ตรงกับวันที่ 12 เมษายน 2426 ณ ต.บ้านแพรก อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรคุณพ่อหมี และคุณแม่ล้อม โกสะสัง
มีพี่น้อง 4 คน คือ 1. นางลอย 2.นางปลิว 3.หลวงพ่อพรหม 4. นางฉาบ ในช่วงวัยเด็ก เรียนหนังสือ ฝึกหัดอ่านเขียนกับพระในวัดใกล้บ้าน รวมทั้งศึกษาอักษรขอมควบคู่ไปกับภาษาไทย อีกทั้งได้ศึกษาวิทยาคมกับอาจารย์ที่เป็นฆราวาส ชื่อ อาจารย์พ่วง
                            ครั้นเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดเขียนลาย ต.บ้านแพรก อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2447 โดยมีหลวงพ่อถม วัดเขียนลาย เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ถาวโร หลังอุปสมบท ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนภาษาขอมจนชำนาญและเริ่มฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ก่อนได้ศึกษาสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนาจากหลวงพ่อดำ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ไม่ทราบสังกัดอยู่ประมาณ 4 ปี หลวงพ่อพรหมได้ออกเดินธุดงค์เป็นเวลาหลายพรรษา โดยท่านเคยเดินธุดงค์ไปประเทศพม่าถึงเมืองย่างกุ้ง ได้นมัสการพระเจดีย์ชเวดากอง และเดินธุดงค์ผ่านทางด่านเจดีย์สามองค์ ผ่านเทือกเขาน้อยใหญ่ และธุดงค์อยู่ในประเทศพม่าเป็นเวลานาน ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยทางด่านแม่ละเมา จ.ตาก หลวงพ่อพรหม เดินธุดงค์ไปจนถึงเขาช่องแค ต.พรหมนิมิตร อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เกิดฝนตกหนัก ได้หลบเข้าไปอยู่ในถ้ำซึ่งเป็นถ้ำเล็กๆ เป็นสถานที่ที่หลวงพ่อพรหม เห็นว่าเป็นที่วิเวกเหมาะสำหรับการบำเพ็ญธรรม จึงได้อยู่ปฏิบัติสมาธิเจริญจิตตภาวนา ณ ช่องเขาแห่งนี้ ขณะที่หลวงพ่อพรหมจำศีลปฏิบัติธรรมอยู่นั้น ที่วัดช่องแคมีพระภิกษุจำพรรษาอยู่แล้ว 2 รูป แต่ยังไม่มีเจ้าอาวาส ภายในวัดยังไม่มีเสนาสนะใดๆ บริเวณวัดรกร้าง ต่อมา ชาวบ้านในแถวนั้นเห็นวัตรปฏิบัติของหลวงพ่อพรหม จึงเกิดความนับถือเลื่อมใส กำนันคล้าย มีสวัสดิ์ และกลุ่มชาวบ้านช่องแค ได้นิมนต์ให้หลวงพ่อพรหมลงมาจำพรรษาข้างล่าง คือ วัดช่องแคในปัจจุบัน หลวงพ่อพรหม เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดช่องแค โดยที่ชาวบ้านได้ร่วมกันบริจาคที่ดินเพิ่มเติม หลวงพ่อพรหมได้เริ่มต้นสร้างวัดจากวัดที่รกร้างเมื่อปี พ.ศ.2460 จนกลายมาเป็นวัดที่มีกุฏิ ศาลาการเปรียญ โรงครัว ซึ่งส่วนหนึ่งของทรัพย์สินมาจากการขายสมบัติส่วนตัวและมรดกของหลวงพ่อ ครั้นต่อมา เมื่อวัดจะสร้างอุโบสถ ซึ่งต้องใช้ทุนทรัพย์สูง คณะกรรมการของวัด จึงขออนุญาตหลวงพ่อสร้างวัตถุมงคล ด้วยหลวงพ่อพรหมชอบระฆัง การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อ จึงเน้นรูประฆัง ทั้งพระผง เหรียญรูประฆัง จนกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของหลวงพ่อพรหม
                            จากผลการศึกษาพระธรรม การปฏิบัติจิต เจริญสมาธิภาวนาและการเดินธุดงค์ รวมไปถึงการศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากหลายครูบาอาจารย์ ทำให้ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระเถระที่มีวิทยาคม มีวัตถุมงคลที่เลื่องลือในด้านประสบการณ์บ่อยครั้ง                          
                            ด้านการปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงพ่อพรหม มีวิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลที่ไม่เหมือนใคร ส่วนใหญ่หลวงพ่อจะปลุกเสกในบาตร ถ้ามีเทียนชัยจะจุดเทียนชัยหยดน้ำตาเทียนลงในบาตรน้ำมนต์แล้วนำเทียนชัยวน 9 รอบ ต่อจากนั้นจึงนำดินสอพองมาเจิมที่วัตถุมงคล เอามือคนไปรอบๆ โดยที่หลวงพ่อลืมตาเพ่งกระแสจิตอัดพลัง แล้วจึงนำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมวัตถุมงคลทั้งหลาย แล้วจับบาตรใส่วัตถุมงคล
                             กระทั่งท่านได้มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2518 เมื่อเวลา 15.00 น. ณ โรงพยาบาลบ้านหมี่ จ.ลพบุรี รวมอายุได้ 91 พรรษา 71 ภายหลังหลวงพ่อพรหมมรณภาพแล้ว คณะกรรมการวัดได้บรรจุศพของท่านไว้ในโลงแก้ว อยู่บนศาลาการเปรียญ ศพของหลวงพ่อพรหมไม่เน่าเปื่อย คล้ายกับหลวงพ่อนอนหลับอยู่ แม้ท่านจะมรณภาพมาแล้วนานกว่า 30 ปี
                      การสร้างพระเนื้อชาร์ปของหลวงพ่อพรหม
(คัดมาจากหนังสือประวัติและปาฎิหาริย์ ที่ทางวัดพิมพ์แจกเมื่อปี๒๕๔๓)

                  มีลูกศิษย์ที่ทำงานรถไฟนำโดย คุณ วินัย อยู่เย็น ซึ่งนับถือหลวงพ่อเป็นพิเศษได้มาขอหลวงพ่อสร้างวัตถุมงคล โดยทำเป็นพิมพ์รูปเหมือนเนื้อตะกั่วช๊าฟรถไฟ เพื่อนำไปติดตัวบูชา และเป็นสิริมงคลแก่พวกคนงานรถไฟ ไม่ได้นำไปทำธุรกิจ อย่างเช่นปัจจุบัน เมื่อสร้างพระเสร็จแล้ว คุณ วินัย อยู่เย็น ก็นำพระมาให้หลวงพ่อพรหมปลุกเสก หลวงพ่อก็ปลุกเสกให้ตามความประสงค์ แล้วจึงนำไปแจกจ่ายแก่คนงานรถไฟมักกะสัน โดยเฉพาะพระชุดนี้จะตกอยู่กับพวกช่างกลโรงซ่อมเป็นส่วนมาก เพราะคุณ วินัย แกทำงานแผนกช่างกล คนรถไฟที่ได้รับแจกก็จะนำติดตัวขึ้นล่องกับขบวนรถไฟอยู่เสมอ ต่อมาไม่นานเป็นช่วงฤดูฝน ฝนตกน้ำท่วมทางภาคเหนือบางตอนทางรถไฟขาด จึงต้องส่งช่างไปซ่อมเป็นการเร่งด่วน พวกช่างที่มีหน้าที่ก็ต้องไปกับบวนซ่อมราง มีอู่ครั้งหนึ่ง ขบวนรถไฟที่นำพวกช่างซ่อมรางวิ่งไปเกือบถึงสถานีศิลาอาสน์ หัวรถจักรเกิดพลิคว่ำ เพราะรางยุบ บริเวณดังกล่าวเป็นไหล่เขา เหวลึก เมื่อหัวรถจักรพลิกคว่ำ ก็ลากเอาตู้ขบวนช่างซ่อมรางคว่ำลงไปด้วย ขบวนรถทั้งหมดก็พุ่งลงเหว พวกช่างซ่อมรางต่างก็กระโดดลงจากรถไฟ คนละทิศ คนละทาง บางคนก็ถูกตู้ทับเอา บางคนตกลงไปในเหวข้างทาง หรือค้างอยู่บนต้นไม้ก็มี แต่เหลือเชื่อ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่มีใครเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บคนละเล็กละน้อยเท่านั้น พวกคนงานซ่อมรถไฟเหล่านั้น ต่างก็เล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า เพราะพวกเขานำพระเครื่องรุ่นช๊าฟรถไฟติดตัวกันทุกคน จึงไม่มีใครได้รับอันตราย และได้กลับมาเล่าขานเหตุการณ์ ให้ฟังถึงปาฏิหาริย์ของพระเครื่องรุ่นช๊าฟรถไฟดังกล่าว
                          
                        พุทธคุณ   เมตตามหานิยม  แคล้วคลาดปลอดภัย
                        สภาพ   สวย องค์นี้โค้ดเลข ๙0
                        ราคา   ตดต่อสอบถาม
                                
Close Menu