พระนางพญา พิมพ์สังฆาฏิ ในอดีตมีชื่อว่า พิมพ์สวมชฎาหรืออีกชื่อคือ พิมพ์สามเหลี่ยม จุดเด่นตามแม่พิมพ์มาจากเส้นสังฆาฎิที่หนาพาดกลางพระอุระ เส้นพระกรรณที่หนาใหญ่เชื่อมกับพระเกศและเส้นครอบพระเศียรมองเหมือส่วนพระพักตร์ขององค์พระจะกว้างและสอบลงมาที่คาง ส่วนมากจะไม่เห็นหน้าตา ที่หน้าผากจะยุบเป็นตำหนิแม่พิมพ์ของพิมพ์สังฆาฏิ หูขวาหรือพระกรรณขวาขององค์พระยาวลงมาเป็นเส้นจรดไหล่ จะเห็นเนื้อเกินที่ต้นแขนขวาอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญเช่นกัน และปลายหูซ้ายหรือพระกรรณซ้าย (ขวามือเรา) จะเห็นเหมือนหางแซงแซว หูซ้ายจะยาวจรดไหล่ และพาดต่อลงมาเป็นเส้นขอบจีวร และปลายหูขวาองค์นี้เป็นหางนกแซงแซวเช่นกัน ซึ่งถือได้ว่าพิมพ์ติดค่อนข้างชัดทีเดียวครับจะเห็นหลุมบริเวณหัวไหล่ซ้ายมองเหมือนเบ้าขนมครก จะเห็นได้ชัดอันเป็นเอกลักษณ์ของพิมพ์นี้ และปลายไหล่ทั้งสองข้างจะเทลาดลงไปสู่ขอบทั้งสองด้าน เส้นสังฆาฏิกว้างเป็นแผ่นหนาเห็นได้ชัด แขนขวาวางพาดบนตัก และแขนซ้ายจะงอเป็นขอเบ็ด นอกจากนี้ให้สังเกตที่ข้อมือขวาขององค์พระที่วางบนหัวเข่า จะเป็นการวางมือแบบหักข้อมือ โดยมือวางหักออกด้านนอก มองดูเม็ดแร่ในองค์พระจะไม่มีแร่คม สีที่พบคือ ขาวขุ่น ขาวใส สีน้ำตาลและสีดำ และย้ำอีกครั้งว่าเม็ดแร่ต้องไม่คมและบางองค์จะปรากฏพระที่แร่ลอยอีกส่วนด้วยอันเกิดจากการแช่น้ำในกรุเนื่องจากน้ำท่วมกรุมานานนั่นเองนองค์พระสวมชฎา ส่วนชื่อพิมพ์สามเหลี่ยม เพราะมองลักษณะพิมพ์คล้ายสามเหลี่ยมเกือบด้านเท่านั่นเองด้านพุทธศิลป์ของพระนางพญานั้น เป็นพระพุทธปางมารวิชัย ไม่มีฐาน ไม่มีซุ้ม ขอบตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมชิดกับองค์พระประธาน หลังเรียบเป็นส่วนใหญ่ จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ของผิวหลังที่เรียบและมีส่วนผสมของกรวดที่ฝังอยู่ในเนื้อดิน ด้วยอายุยาวของพระนานกว่า 400 ปี เกิดการหดตัวของดินตามธรรมชาติ ทำให้เห็นดินที่หุ้มอยู่บนกรวดหดตัวลงด้วยเรียกว่าเม็ดผด และสีขององค์พระมี 4 สีคือ ดำ แดง เหลือง และเขียว ซึ่งเกิดจากดินที่ถูกเผาและได้รับความร้อนต่างกันในขณะวางเผาอยู่ในเตา อันเป็นที่มาของขนาดองค์พระด้วย ถ้าโดนความร้อนมากย่อมหดตัวมากที่สุดและขนาดจะเล็กที่สุดซึ่งก็คือสีเขียว
พุทธคุณ พระนางพญาเป็นพระในชุดเบญจภาคี ย่อมครบเครื่องเป็นที่ยอมรับในพุทธคุณทุกสภาพ พระผ่านการใช้ ผิวเปิด ดูง่าย
ราคา ติดต่อสอบถาม